Custom Search

Friday, December 11, 2009

การเพาะเลี้ยงสาหร่ายเกลียวทอง


สาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina sp.) เป็นพวกสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน (algae เขียวสีฟ้า) อยู่ในประเภท Cyanophyta Family Oscillatoriaceae ลักษณะสำคัญคล้ายกับแบคทีเรียคือไม่มีเยื้อหุ้มนิวเคลียสจึงจัดเป็นพวกโปรคาริโอตสามารถสังเคราะห์แสงได้เพราะมีคลอโรฟิลล์แต่ไม่มีคลอโรพลาสเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำไม่มีรากลำต้นใบที่แท้จริงภายในเซลล์มีสารไฟโคไซยานิน (Phycocyanin) ส่วนใหญ่พบเห็นทั่วไปในน้ำจืดบ้างในน้ำกร่อยและน้ำทะเลโดยเฉพาะน้ำที่มีค่าความด่างสูงและมีค่าความเค็มสูงเจริญเติบโตได้ดีที่ pH 8 ประกอบด้วยเซลล์ที่เป็นทรงกระบอกต่อกันและบิดตัวเป็นเกลียวเรียกว่า trichome เส้นผ่าศูนย์กลางกว้าง 20-50 ไมโครเมตรยาว 200-300 ไมโครเมตรสายพันธุ์ที่พบมากที่สุดคือ Spirulina platensis และ Spirulina maxima

ขั้นตอนการเพาะเลี้ยงสาหร่ายเกลียวทอง
1. แยกเชื้อบริสุทธิ์

แยกเชื้อบริสุทธิ์โดยนำตัวอย่างน้ำที่มีสาหร่ายเกลียวทองตามที่ต้องการหยดลงแผนสไลค์ทส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์กำลังขยายต่ำเมื่อพบเซลล์สาหร่ายเกลียวทองที่ต้องการให้จุ่มปลายไมโครปิเปตที่ผ่านการเผาไฟเรียบร้อยแล้วไปดูดเซลล์จะทำอยู่หลายครั้งเพื่อให้ได้แค่เซลล์เดียวเมื่อได้ตัวอย่างที่ต้องการแล้วเพื่อนำมาใส่หลอดแก้วขนาดเล็กบรรจุอาหารสูตร Zarrouk ประมาณ 3 ในที่มีแสงสว่างเพื่อให้สาหร่ายเจริญเติบโตจะใช้เวลาประมาณ 2 มิลลิลิตรตั้ง -4 สัปดาห์จะเห็นการเปลี่ยนแปลงน้ำในหลอดแก้วจะเริ่มมีสีเขียว

สาหร่ายสไปรูลิน่าที่ได้จากการแยกเชื้อมาเลี้ยงในอาหารวุ้นเพื่อให้ได้เซลล์ที่ดีมีคุณภาพมากมายเลี้ยงไว้ไม่ประมาณ 7 วันนำก็จะนำไปเลี้ยงในหลอดแก้วอีกครั้งโดยใช้ห่วงเซลล์เมื่อเริ่มมีขยายมากขึ้นให้น้ำมาเลี้ยงต่อในขวดแก้วรูปชมพู่เป็นต้นเลี้ยงในห้องที่อุณหภูมิเหมาะสมแสงไม่มีสิ่งรบกวนการวัดการเจริญของสาหร่ายวัดปริมาณคลอโรฟิลล์วัดปริมาณผลิตภัณฑ์ที่ต้องการเช่นโปรตีนเม็ดสีและไขมันเป็นต้นกรด

สูตรอาหารที่ใช้เพาะมีมากมายแต่จะขอแนะนำสูตรโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาประกอบด้วย


น้ำกากมูลหนักที่กรองแล้ว 2,500 ลิตร

โซเดียมไบคาร์บอเนต 8.4 กรัม / ลิตร

ปุ๋ยสูตร 16: 16: 160.7 กรัม / ลิตร

เชื้อสาหร่ายเกลียวทอง 60 ลิตร

1. เมื่อเตรียมสิ่งต่างๆไว้พร้อมแล้วนำส่วนผสมต่างๆได้แก่น้ำกากมูลหนักที่กรองแล้วโซเดียมไบคาร์บอเนตและปุ๋ยสูตร 16:16:16 มาผสมแล้วกวนให้เข้ากันแล้วจึงนำเชื้อสาหร่ายเกลียวทองใส่ลงไปในอัตราส่วนที่ 1 : 10


2. กวนน้ำในอ่างเพาะเลี้ยงในอัตราที่กำหนด

3. ดูแลอุณหภูมิในอ่างเพาะเลี้ยงไม่ให้สูงเกินไปจะทำให้สาหร่ายตายหรือไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควร

4. เพาะเลี้ยงในอ่างเพาะเลี้ยงประมาณ 25 วัน

การเก็บเกี่ยวสาหร่ายเกลียวทองมีหลายวิธีดังนี้คือ

1. การกรองคือการกรองโดยใช้ผ้ากรองธรรมดาหรือใช้ผ้ากรอง 2 ชั้นเป็นผ้าไนลอนขนาด 0.6 ตารางถ่วงเมตรขึงไว้กับกรอบเหล็กแผ่นบนมีความถี่ 25 ช่องต่อตารางนิ้วแผ่นล่าง 60 ช่องต่อตารางนิ้วสามารถกรองได้ด้วยอัตรา 200 ลิตรต่อตารางเมตรต่อชั่วโมงการเก็บเกี่ยววิธีนี้ค่อนข้างช้าแต่ไม่ต้องใช้กำลังคนมากนักเป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมการผลิตขนาดเล็กซึ่งพยายามหลีกเลี่ยงการใช้พลังงานไฟฟ้า

2. และแผ่นกรองกรอบกดเครื่องมือนี้ประกอบด้วยแผ่นโลหะเจาะรูเล็กๆทั้งแผ่นวางขนานกันในโครงเหล็กและมีแผ่นผ้าปิดทับที่แผ่นโลหะแต่ละแผ่นวิธีการคือใช้แรงดันอัดสาหร่ายผ่านแผ่นโลหะนี้สาหร่ายจะติดค้างบนแผ่นโลหะสามารถเก็บได้ในภายหลังวิธีนี้เก็บได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพแต่ค่าใช้จ่ายสูง

3. Centrifugation วิธีการนี้ใช้หลักการให้สาหร่ายตกตะกอนโดยใช้แรงเหวี่ยงและแยกน้ำไว้ชั้นบนในการผลิตแบบต่อเนื่องให้ผลผลิตมากกว่าวิธีที่ 2 เพียง 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นจึงไม่นิยมใช้

การทำสาหร่ายให้แห้งเป็นขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญซึ่งหากให้อุณหภูมิสูงเกินไปอาจทำให้คุณค่าทางโภชนาการของสาหร่ายลดลงวิธีการทำแห้งมีหลายวิธีคือ

1. วิธีการตากแดด (แดดอบแห้ง) เป็นวิธีที่ง่ายและเสียค่าใช้จ่ายน้อยแต่มีข้อเสียเช่นต้องขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและอาจเกิดการเสียหายจากแสงแดดที่มากเกินไปหรือเกิดการหมักขึ้นการตากแดดมักกับใช้สาหร่ายเกลียวทองที่นำมาทำเป็นอาหารสัตว์โดยการแผ่สาหร่ายบนแผ่นพลาสติกในถาดแล้วนำไปตากแดด

2. วิธีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar อบ) ทำง่ายๆโดยใช้ไม้ทำเป็นกล่องภายในทาสีดำและปิดด้วยกระจกหนา 2 มม. เพื่อให้ได้อุณหภูมิภายในประมาณ 60-65 องศาเซลเซียสจากการศึกษาพบว่าได้ผลดีเมื่อใช้กับสาหร่ายเกลียวทองซึ่งแผ่ให้หนาประมาณ 2-3 มม. ใช้เวลา 5-6 ชั่วโมง

3. วิธีผมแห้งเป็นการทำแห้งโดยให้สาหร่ายสัมผัสกับพื้นผิวโลหะที่ร้อนโดยตรงทำให้ความชื้นในสาหร่ายระเหยไปประกอบด้วยลูกกลิ้งโลหะเดี่ยวหรือคู่ภายในกลวงและมีไอน้ำร้อนไหลเวียนอยู่ลูกกลิ้งถูกตรึงให้หมุนรอบแกนในแนวนอนด้วยความเร็วที่สามารถปรับได้ตามต้องการมีเครื่องป้อนสาหร่ายให้เป็นชั้นบางๆบนผิวลูกกลิ้งมีใบมีดติดอยู่ที่ตำแหน่งหนึ่งบนลูกกลิ้ง
 
ที่มาจากโครงการส่วนประองค์จิตรลดาสวน

Tuesday, November 24, 2009

สไปรูลิน่าอาหารบำบัดโรค

เพื่อนๆที่ได้อ่านบทความแล้วคงจะได้รับประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะค่ะสำหรับวันนี้ก็ยังจะพูดถึงประโยชน์ของสาหร่ายสไปรูลิน่าเช่นเคยนะค่ะเนื่องจากได้ไปอ่านบทความใน NaturalNews มาเลยอยากแบ่งปัน เพื่อนๆคงทราบแล้วว่าสาหร่ายสไปรูลิน่านั้นมีประโยชน์สำหรับผู้ที่บริโภคพืชชนิดนี้แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ยังไม่ทราบว่าสาหร่ายสไปรูลิน่าช่วยป้องกันภาวะโลหิตจางซึ่งเรื่องนี้ได้รับการกล่าวอ้างอิงและสนับสนุนจากแหล่งข้อมูลของนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก

เซลล์สาหร่ายสไปรูลิน่า

จากการศึกษาได้ผลสรุปอย่างยอดเยี่ยมซึ่งแล้วเสร็จในปี 2002 มีผลสรุปมากมายที่นำเสนอถึงศักยภาพของสาหร่ายสไปรูลิน่าที่ได้จากการทดลองว่า สาหร่ายสไปรูลิน่า มีผลในการรักษา โรคภูมิแพ้,ภาวะโลหิตจาง , มะเร็ง,ขับสารพิษในตับ,น้ำตาลในเลือดสูง(คลอเรสเตอรอลสูง และไตรกลีเซอไรค์)
- Spirulina: Nature's superfood by Kelly J Moorhead

มันแตกต่างจากสาหร่ายประเภทอื่น ผนังเซลล์ของ สาหร่ายสไปรูลิน่ามีความเข้มข้นของ Mucopolysacclarioles สูง ซึ่งง่ายต่อการย่อยสลายและยังมีสารประกอบเชิงซ้อง ไกรโคโปรตีน มีความสำคัญในการสร้างโปรตีนและผนังเซลล์ และยังเป็นพืชที่มีมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์แต่พึงถูกค้นพบและนำมาใช้ประโยชน์เมื่อไม่นานมานี้ เป็นพืชที่ให้พลังงานและคุณค่าทางสารอาหารสูงมีฤทธิ์เป็นด่างและเป็นอาหารบำบัดโรค Hypoglycemia , โรคเบาหวาน ,อ่อนเพลียเรื้อรัง ,โรคโลหิตจางและส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน
- Conscious Eating by Gabriel Cousens, M.D.


ผงสาหร่ายสไปรูลิน่า

ผงสาหร่ายสไปรูลิน่า 3 ออนซ์ (10g) เพียงพอสำหรับความต้องการ วิตามิน B12 4 ครั้ง /วัน เพียงพอต่อความต้องการวิตามินA เป็นคำแนะนำในการรักษาอาการอ่อนเพลีย ,ภาวะโลหิตจาง ,ปัญหารอบเดือนผิดปกติ ,ความผิดปกติของผิวหนัง ,ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ,ช่วยในการกำจัดสารพิษ ที่สะสมในร่างกาย ซึ่งจะอยู่ในรูปผงสีเขียวเข้ม , รูปแคปซูล และอัดเม็ด
- Healing with Whole Foods: Asian Traditions and Modern Nutrition by Paul Pitchfor



สไปรูลิน่าอัดเม็ด

สาหร่ายสไปรูลิน่าอุดมด้วย กรดอะมิโน ,คลอโรฟิลค์ ,วิตามินB ,GLA,แคโรทีนอยค์ ฯลฯ นอกจากนี้สไปรูลิน่ายังช่วยขับสารพิษจากโลหะหนัก ,และกัมมันตรังสี และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันสารPhytonatricnt ในสาหร่ายสไปรูลิน่า เช่น Phycocyanin จะช่วยในการกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง

เป็นงัยบ้างค่ะหวังว่าจะได้รับประโยชน์จากพืชใต้น้ำกันอย่างทั่วหน้านะค่ะ ครั้งหน้าจะพบกับคุณสมบัติอะไรอีกโปรดติดตามนะเราจะมีมาเล่าสู่กันฟังสำหรับผู้สนใจทั้งหลายแล้วเจอกันกับคนรักสุขภาพ
                                                                                            

Monday, November 9, 2009

สไปรูลิน่าพืชใต้น้ำ

สาหร่ายเกลียวทองหรือสาหร่ายสไปรูลิน่า คือ สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน เจริญเติบโตในน้ำกร่อยและอุ่น ที่มีคุณ สมบัติเป็นด่าง คำว่าสไปรูลิน่ามาจากภาษา ลาติน Helex หรือ Spiral (เกลียว) ซึ่งหมายถึง รูปร่างที่มีลักษณะเส้นหมุนรอบขึ้นไปเหมือน ก้นหอย ในปีค.ศ.1827 ผู้เชี่ยวชาญทางด้าน สาหร่ายชาวเยอรมัน ชื่อ เดอเบน (Deurben) เป็นผู้ให้ชื่อทางวิทยาศาสตร์แก่สาหร่าย สไปรูลิน่า
ปัจจุบันนี้ โรคภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นเริ่มต้นมาจากร่างกายและจิตใจที่อ่อนแอลง ภูมิคุ้มกันในร่างกายลดต่ำลงจนไม่สามารถ ต้านทานหรือขจัดเชื้อโรคออกไปได้ก็เพราะการบริโภคอาหารที่ไม่มีประโยชน์นั้นเอง”ญี่ปุ่น เป็นชนชาติที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลก คนญี่ปุ่น อายุเกิน 100 ปี มีเกือบสามหมื่นคนแพทย์ชาวญี่ปุ่น มักพูดเสมอว่า เราสามารจะมีอายุมากขึ้นโดยไม่ต้อง แก่และเมื่อถึงคราวแก่ ก็แก่อย่างสวยงาม หากจะค้นหาอาหารที่เป็นเคล็ดลับที่อยู่ในวัฒนธรรมการกินของชาวญี่ปุ่นมาตลอดนั่นก็คือ “สาหร่าย”
มีงานวิจัยของชาวญี่ปุ่นเรื่อง "ความลับของสาหร่ายเกลียว-ทอง ผลทางการรักษาโรคที่ญี่ปุ่นค้นพบ" ให้กับสำนัก งานคณะกรรมการการวิจัย แห่งชาติิ จนขณะนี้ชื่อของ สาหร่ายเกลียวทองได้กลายมาเป็น ชื่อสามัญของอาหาร เสริมชนิดนี้สาหร่ายเกลียวทองที่มีคุณภาพเพื่อสุขภาพมีคำยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญด้านสาหร่าย สไปรูลิน่าที่ทำการวิจัยทั่วโลกกว่า 4 หมื่นคน ในระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา บอกว่า สาหร่ายสไปรูลิน่านี้มีส่วนประกอบที่พิเศษ คือ มีอะมิโนโปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกายสูง กว่าเนื้อสัตว์ ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายไม่ สามารถผลิตได้เอง แต่ร่างกายต้องการใช้ เป็นประจำทุกวัน มีวิตามินจำพวกเบตา คาโรทีนมากกว่าผักถึง 25 เท่า มีธาตุเหล็ก สูงกว่าตับถึง 28 เท่า และเป็นแหล่งรวมของ วิตามิน บี 12 ทั้งหมดนี้จึงทำให้สาหร่าย สไปรูลิน่าส่งผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพของ ระบบประสาท ป้องกันเซลล์สมอง และเสริม สร้างการส่งสัญญาณในระบบสมอง คนที่มี พฤติกรรมไม่ดีในการรับประทานอาหาร ไม่ ชอบทานผักผลไม้ หรือต้องเสียพลังงานกับ การออกกำลังกาย
องค์การอนามัยโลกได้แนะนำว่า สาหร่ายสไป รูลิน่า เป็นอาหารที่ปลอดภัยจากสารพิษ และมีคุณค่าทางอาหารไม่มีสารตกค้าง สามารถใช้บริโภคได้อย่างดี มีรายงานผล การวิจัยอย่างมากมายว่าสไปรูลิน่าสามารถ ช่วยบังเกิดผลดีต่อการบำรุงและเสริมการ รักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เช่น
- เป็นอาหารสมอง ช่วยให้ความจำดีขึ้น
- ลดโคเลสเตอรอล ลดน้ำตาลในเลือด โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคเบาหวานและความ ดันสูง
- บำรุงผิวพรรณให้สดใส เปล่งปลั่ง และดูอ่อนเยาว์
- ช่วยลดความเครียดและความไม่ สมดุลของร่างกาย
- ลดกรดและช่วยเคลือบแผลใน กระเพาะอาหาร
- ป้องกันเซลล์ตับไม่ให้ถูกทำลายจาก พิษของแอลกอฮอล์
- ป้องกันและรักษาอาการเมาค้าง
- ลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง
- ระงับการลุกลามของโรคตา อาทิเช่น ตามัว ต้อหิน ต้อกระจก
- เป็นอาหารเสริมสำหรับนักกีฬา เพื่อ เพิ่มพละกำลังที่ต้องเสียพลังงานกับการออก กำลังกาย
- ช่วยรักษารูปร่างและทรวดทรงให้ สมส่วน เป็นต้น
สไปรูลิน่าจึงเป็นอาหารที่ทรงคุณค่า เหมาะสำหรับทุกคนโดยแท้จริง และใน ปัจจุบันบ้านเรา นอกจากเพาะพันธุ์สาหร่าย สไปรูลิน่ากันได้แล้วยังสามารถสกัดเป็น แคปซูลเพื่อการใช้งานได้รวดเร็วขึ้น ทำให้คน ไทยมีทางเลือกเพื่อสุขภาพกันอีกทางหนึ่ง
ผลการวิจัยของต่างประเทศ
http://www.wavero.net/forum/blog.php?b=165&language=th

Monday, November 2, 2009

น้ำทับทิมเพื่อสุขภาพผิว

การดูแลผิวให้มีสุขภาพดีต้องดูแบบองค์รวม คือ บำรุงทั้งภายนอกและภายใน คนส่วนใหญ่มักใส่ใจซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวราคาแพงเพื่อบำรุงภายนอก ซึ่งความจริงนั้นครีมบำรุงสามารถดูแลผิวชั้นนอกหรือ 1 ใน 3 ของชั้นผิวเท่านั้น ความสดใสเปล่งปลั่งของเลือดฝาดอยู่ที่ผิวหนังชั้นลึกกว่า ซึ่งต้องดูแลจากภายในได้แก่การผักผ่อน การออกกำลังกาย การดื่มน้ำ และที่สำคัญการรับประทานอาหารที่ดูต่อร่างกาย หรือการรับประทานอาหารเสริม เพิ่ม ที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระสามารถเพิ่มการไหลเวียนของเลือดใต้ผิวหนัง ปัจจุบันสารสกัดจากธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น สารสกัดเปลือกสนมารี ไทม์ฝรั่งเศษ ที่พิสูจน์ แล้วว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยป้องกันคอลลาเจนและอิลาสตินในผิว สารสกัดทับทิม ที่ช่วยต้านเอนไซม์ที่ไปทำลายคอลลาเจนและอิลาสติน และน้ำมันโบราจ ที่ช่วยความชุ่มชื่นของผิวและลดการระคายเคืองของผิว
ปัจจุบันนี้น้ำทับทิมกำลังเป็นแทรนด์ที่มาแรงสำหรับคนรักผิวพรรณ เพราะ ในเมล็ดทับทิมมีสารด้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่สูงมากกว่าชาเขียวและเมล็ดองุ่น และมีสารที่ช่วยต้านเอนไซม์ที่ไปทำลายคอลลาเจนและอิลาสติน ช่วยลดการทำร้ายผิวจากรังสียูวีบี อีกทั้งยังช่วยลดอาการระคายเคืองของผิวจากผดผื่นคันได้เป็นอย่างดี ซึ่งในต่างประเทศนิยมรับประทานมาหลายปีแล้ว แต่ในประเทศไทยเพิ่งจะเริ่มให้ความสนใจมาไม่นานมานี้
ผลทับทิมได้ชื่อว่าเป็นจักรพรรดิแห่งผลไม้ ด้วยรูปทรงขั้วผลที่เหมือนกับรูปมงกุฎ และยังได้ชื่อว่าเป็น Super Fruit ในฐานะที่ให้สารอาหารมากมายที่ดีต่อร่างกาย

Tuesday, October 20, 2009

มะรุม พืชครอบจักรวาล




มะรุมเป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณทุกส่วน เช่น ราก เปลือก ใบ ดอก ฝัก ฝัก ปรุงเป็นอาหารรับประทาน

ชาวอินเดียยังได้ทดลองและเชื่อว่ามีคุณสมบัติในการรักษาโรคได้ถึง 300 ชนิด สหประชาชาติได้ให้การสนันสนุนในการค้นค้าวิจัยอย่างกว้างขวาง

แม้แต่ประเทศ อื่น เช่น อังกฤษ เยอรมัน รัสเซีย ญีปุ่น จีน ก็หันมาให้ความสนใจและทำการค้นคว้าอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง เบาหวาน เป็นต้น


เป็นพืชยืนต้นขนาดกลางส่วนใหญ่จะปลูกทิ้งไว้บริเวณรอบบ้าน กินได้ หลายส่วนแต่ที่นิยมกินจะเป็นฝักมากกว่าส่วนอื่น พบในทุกภาคของไทย อีสานเรียก ผักอีฮุม หรือผักอีฮึม เหนือมะค้อมก้อน กะเหรี่ยงแถบการญจนบุรี เรียกกาแห้วเด้ง นิยมกินฤดูหนาวเพราะออกฝัก

คุณคุณค่าของมะรุม มีโภชนาการสุงสุด ( ในคัมภีร์ใบเบิ้ลว่ากันว่าเป็นพืชที่รักษาโรค )

ใบมะรุมมีโปรตีนสูงกว่านมสด 2 เท่า นอกจากนี้ยังมีตุอาหารสูงเป็นพิเศษที่ช่วยป้องกันโรค นั่นคือ

วิตามินเอ บำรุงสายตามากกว่าแครอต 3 เท่า

วิตามินซี ป้องกันหวัด 7 เท่าของส้ม

แคลเซียม บำรุงกระดูกเกิน 3 เท่าของนมสด

โพแทสเซียม บำรุงสมองและระบบประสาท

ใยอาหารและพลังงาน ไม่สูงมากเหมาะกับการควบคุมน้ำหนัก

จากอาหารมาเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ

ปัจจุบันต่างประเทศนำใบมะรุมออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์เช่น ญีปุ่น ระบุว่าแก้โรคหอบหืด ปวดศีรษะ บำรุงสายตา ระบบทางเดินอาหาร
อินเดีย หญิงตั้งครรภ์จะกินใบมะรุมเพื่อเสริมธาตุเหล็ก

ประโยชน์ของมะรุม

1.ใช้รักษาโรคในเด็กแรกเกิด ลดการเสียชีวิต พิการ

2.รักษาโรคเบาหวาน

3.รักษาโรคความดันโลหิตสูง

4.ช่วยเพิ่มและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย

5.ช่วยรักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ให้อยู่ภาวะควบคุมได้

6.รับประทานสม่ำเสมอกันโรคมะเร็ง

7.รักาดรคล้ำไส้อักเสบ

8.รักษาโรคไขข้อ โรคเก๊าท์

9.รักษาโรคตาเกือบทุกชนิด เช่น โรคตามืดตามัว โรคตาต้อ เป็นต้น

10.รักษาปอด โรคทางเดินหายใจ

11.เป็นยาปฎิชีวนะ

การรับประทานสุกควรลวกแต่พอควรเพราะถูกความร้อนนานเกินจะทำให้เสื่อมคุณภาพลงไปมาก ถ้าสามารถรับประทานสดได้จะดีมาก

ผล รับประทานได้ทั้งฝักอ่อนและแก่พอสมควร ฝักแก่จัดรับประทานลำบากเพระต้องปอกเปลือกออกหรือขูดเอาแต่เนื้อใน สามารถนำมาทำอาหาร เช่นแกงส้มฝักมะรุม ยำฝักมะรุมอ่อน แกงผัดฝักมะรุม ไข่ยัดไส้มะรุม ดอกมะรุมชุบไข่ทอด เป็นต้น

เมล็ด นำมาสกัดน้ำมันใช้ประโยชน์มากมาย เช่น ทำอาหารได้ รักษาโรคผิวหนัง แก้ผิวแห้ง

ดอก ใช้ทำน้ำชา

ข้อควรระวัง ในคนที่เป็นโรคเลือด G6PD ไม่ควรรับประทาน

สุขภาพสิ่งที่ทุกคนต้องสนใจ

รู้กันมั้ยว่าคนในสมัยนี้แสวงหาอะไรกัน ตอบกันได้มั้ยค่ะ ดิฉันจะบอกให้นะค่ะว่าตอนนี้ทุกคนกำลังแสวงหาสันติสุขทางใจกันค่ะ เพื่อนๆๆน้องๆๆคิดเหมือนกันมั้ยค่ะ สังเกตว่าทุกคนพอมีปัญหาแล้วจะต้องไปเข้าวัด เข้าโบสถ์ กัน เพื่อหาสิ่งที่จะช่วยให้ตัวเองมีความสุข และนอกจากจะแสวงหาสันติสุขและพวกเราทุกคนก็แสวงหาเรื่องสุขภาพค่ะ เพื่ออะไรรู้มั้ยค่ะ ก็เพื่อความสุขในด้านจิตใจเช่นกันค่ะทุกคนหวังจะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคภัย สังเกตจากการรับประทานในสมัยนี้นะค่ะทุกๆคนจะพยายามหันมารับประทานอาหารปลอดสารพิษ ซึ่งไม่มีการฉีดยา ซึ่งราคาก็แพงกว่าที่ฉีดยาด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารเสริมต่างๆและเครื่องสำอาง ก็มาจากพืช ผัก ผลไม้ สมุนไพรทั้งนั้น เห็นหรือยังค่ะว่า ผู้คนมากมายให้ความสนใจแค่ไหนเพราะถ้าเค้าไม่สนใจผลิตภัณฑ์ต่างๆไม่สามารถขายได้เลย
สมัยนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมายความก้าวหน้าของเทคโนโลยีไปไกลมา จนบ้างครั้งเราๆหลายๆคนตามไม่ทันฉันก็คนหนึ่งที่ตามไม่ทันเป็นบ้างอย่าง ดังนั้นจากการเปลี่ยนแปลงการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ก็มีโรคภัยไข้เจ็บ เกิดขึ้นมากมายเช่นเดียวกันค่ะ บางโรคก็ยังแก้ไขยังไม่ได้ บางโรคก็แก้ไขป้องกันได้แต่กว่าจะได้ละค่ะเสียชีวิตไปกี่คนละค่ะ
จึงอยากให้ทุกคนหันมาดูแลสุขภาพให้มากๆนะค่ะ ขยันออกกำลังกาย ดูแลเรื่องรับประทานเป็นพิเศษนะค่ะ